เรื่องผี เรื่องเล่าสยองขวัญ – แฟนเก่า

image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF

Last Updated on 26 November 2021




Mongkonod-เรื่องผี-เรื่องเล่าสยองขวัญ-EP2-แฟนเก่า

เรื่องราวที่นำเสนอเป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณ

เรื่องผี เรื่องเล่าสยองขวัญ – แฟนเก่า

เรื่องได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ตอนนั้นผมมีแฟนอยู่คนนึง เราคบกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เธอเป็นคนน่ารัก ร่าเริง อัธยาศัยดี ซึ่งผิดกับผมเลย ผมเป็นคนขี้อาย โลกส่วนตัวสูง เราคบกันมาไม่เคยมีปัญหาเรื่องมือที่สาม จะมีก็แต่ทะเลาะกันเรื่องน่ารักๆ เช่น กินข้าว การทำงานบ้าน แต่ก็ไม่ถึงขั้นด่าทอกัน เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่เรียนจบ โดยที่บ้านของเรารับรู้และไม่ขัดข้อง เราอายุเท่ากัน แต่เธอเกิดก่อนผม 2 เดือน 13 วัน ช่วงนั้นเป็นช่วงอายุ 24 ปี ย่างเข้า 25 เป็นช่วงเข้าเบญจเพศ แต่เราสองคนก็ไม่ค่อยเชื่อหรอกนะครับ เพราะคิดว่าเรื่องซวย เรื่องร้าย มันเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ เช่น การเกิดอุบัติเหตุ ผมว่ามันเป็นเรื่องของความประมาท อะไรพวกนี้มากกว่า ส่วนเรื่องผี อันนี้เราสองคนไม่เชื่อเลย เนื่องจากไม่เคยเจอ

ตอนนั้น ผมมีแผนว่าจะพาแฟนไปเที่ยวต่างจังหวัด แล้วจะขอเธอแต่งงาน ผมพาเธอไปเที่ยวจังหวัดนึงทางภาคเหนือ ซึ่งบรรยากาศดีมาก เป็นที่พักบรรยากาศธรรมชาติ เรามาพัก 3 วัน 2 คืน เมื่อถึงที่พัก ช่วงบ่ายๆ แฟนผมก็บอกว่าเหนื่อย อยากพักผ่อน ผมจึงให้เธอนอน ส่วนผมก็ออกไปซื้อของเพื่อจะมาทำอาหารเย็นกินกัน หลังจากที่ผมซื้อของเสร็จ กลับเข้ามาที่ห้องก็ไม่เจอแฟนผม ผมก็เอ้าหายไปไหนนะ สงสัยอยู่ในห้องน้ำ ก็เลยเข้าไปดู แต่ไม่มีใครอยู่เลย ผมจึงออกไปที่หน้าล็อบบี้ ก็เจอแฟนผมนั่งอยู่ที่หน้าล็อบบี้ ผมก็ถามว่า ทำไมมานั่งอยู่นี่ แฟนผมเค้าก็ไม่ตอบอะไร บอกแค่ว่า อ่อ พอดีอยากออกมาเดินเล่น ผมก็ไม่ได้คิดอะไร เย็นวันนั้น เราก็ทำอาหารกินกัน แต่ที่ผมสังเกตุได้คือ แฟนผมเปลี่ยนไป มีอาการคล้ายคนกลัวอะไรบางอย่าง แบบว่า กินข้าวไป ก็มอง ซ้ายที ขวาที แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าคงมองบรรยากาศรอบๆ ตัว เพราะบรรยากาศที่นี่ดีมาก พอเรากินข้าวกันเสร็จก็อาบน้ำและเข้านอน



คืนแรกผ่านไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันที่ 2 ของการพักที่นี่ ตื่นเช้ามาเราก็ทำกิจกรรมกันนิดๆ หน่อยๆ เนื่องจากบรรยากาศเป็นใจ แล้วก็ขับรถออกไปเที่ยวบริเวณนั้น เพราะที่พักใกล้แหล่งท่องเที่ยว เย็นนั้นบรรยากาศแสงแดดสีส้มๆ ทองๆ ผมขอเธอแต่งงานกลางทุ่งดอกไม้ ซึ่งเธอน้ำตาไหล แล้วก็ตอบรับผม เธอเข้ามากอดผมแล้วก็บอกรักผม จากนั้นเราก็กลับที่พัก เตรียมตัวนอนเพราะความเหนื่อย ผมก็นอนดูทีวีไป ส่วนแฟนผมก็นอนอยู่ข้างๆ เล่นโทรศัพท์ไปตามภาษาผู้หญิง เหมือนจะเม้ามอยกับเพื่อนว่าชั้นจะมีผัวละนะ ประมาณสี่ทุ่มเราก็ปิดไฟนอนกัน ผมหลับได้ไม่นาน ก็รู้สึกว่าทำไมข้างๆ เหมือนเตียงมันยุบผิดปกติ คือจากที่แฟนผมนอนก็ยุบแล้ว แต่มันยุบลงไปลึกกว่านั้นอีก ทั้งๆ ที่แฟนผมก็ไม่ได้เป็นคนที่น้ำหนักเยอะ แต่ผมก็ไม่คิดอะไร ก็เอื้อมมือไปกอดแฟนผม แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจก็คือ ทำไมรู้สึกช่วงที่มือจะถึงตัวแฟนผม มันเย็นๆ เหมือนผ่านโรงน้ำแข็งอะไรอย่างนั้น แต่ผมก็ไม่คิดอะไร เนื่องจากห้องที่เรานอนเป็นห้องแอร์ ก็คงเป็นช่วงที่แอร์มันสวิงเป่าลงมาพอดี พอเช้าตื่นมา แฟนผมบอกว่าเมื่อคืนนอนไม่ค่อยสบายเลย แต่แฟนผมก็ไม่เล่าอะไร ผมก็บอกไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวไปหลับบนรถต่อตอนกลับบ้าน

ระหว่างขับรถกลับบ้านแฟนผมก็เล่าให้ผมฟังว่า จำได้ไหม วันแรกตอนที่เธอหลับอยู่ในห้องคนเดียว ที่ผมออกไปซื้อของ เธอบอกว่าหลับๆ อยู่ รู้สึกเหมือนคนเปิดห้องเข้ามา ก็นึกว่าเป็นผม เลยนอนต่อ แต่เมื่อเธอนอนต่อ เธอรู้สึกเหมือนมีคนมาทับตัว จึงลืมตาดูเธอเห็นเป็นผู้หญิงคนนึง นั่งทับบนหน้าอกเธอ ชี้หน้าเธอแล้วพูดว่า “ออกไปจากห้องของกู” เธอเลยรีบวิ่งออกมาหน้าล็อบบี้ ส่วนคืนที่สองนั้น ที่เธอบอกว่าที่เธอนอนไม่หลับนั้น เธอบอกว่า ผู้หญิงคนเดิมมานั่งทับที่อกเทอแล้วพูดว่า “จะลองดีกับกูใช่ไหม” แล้วก้อหายไป เธอกลัวจึงนอนไม่หลับ แต่ก็ไม่กล้าปลุกผม เพราะกลัวว่าวันถัดมา ผมจะขับรถไม่ไหว ผมก็บอกเธอว่า ทำไมไม่บอกตั้งแต่วันแรก จะได้ไม่อยู่ต่อ เพราะถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา มันคุ้มกันมั้ย เธอก็บอกผมว่า ก็เห็นปกติเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ กลัวจะหาว่าเธอคิดไปเอง คิดมากไป ก็เลยไม่บอก ผมก็บอกไม่เป็นไร เดี๋ยวถึงบ้านแล้ว เรารีบไปทำบุญให้เค้า พอกลับถึงบ้าน เราก็ไม่ได้ไปทำบุญเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง ก็มาพักผ่อนที่บ้านคิดว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยไปทำบุญก็ได้ แต่ว่ามันสายไป !!



เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมา ผมเห็นแฟนผมนอนนิ่งไป ผมจึงปลุกเธอ แต่เธอก็ไม่ตื่น ตอนนั้นผม สติแตก ตะโกนเรียกจนแน่ใจแล้วว่าเทอคงไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว ผมเสียใจมาก แฟนของผมเสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นผมเคว้งคว้างมาก รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันมืดไปหมด ผมจึงรีบโทรหาทางบ้านผม และทางบ้านแฟนผม บอกให้เค้าทราบ พ่อแม่ผมและพ่อแม่แฟนผม ก็เดินทางมาหา แล้วก็ถามหาสาเหตุ ว่าทำไม ?? ทะเลาะอะไรกันรึป่าว น้อยใจอะไรกันรึป่าว ถามคำถามสารพัด แต่ผมไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้เลย เนื่องจากผม งง มึนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่ามันจะเป็นไปได้หรอ ที่พลังงานอะไรก็ไม่รู้ ที่เราไม่สามารถมองเห็น ไม่เคยมีใครพิสูจน์ให้เห็นจริงๆ ได้ว่ามีอยู่จริง ทำร้ายร่างกายคนได้จริง และเป็นสาเหตุให้แฟนผมเสียชีวิต ทางการแพทย์บอกว่า แฟนผมเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจ สิ่งนี้ทำให้ผมเริ่มเชื่อกับสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะแฟนผมก็สุขภาพแข็งแรง ไม่ได้มีไข้ ไม่ได้เป็นหวัดอะไร จะหายใจไม่ออกได้ยังไง หรืออาจเป็นสาเหตุจากการที่พักผ่อนไม่เพียงพอ คำถามนี้ก็ยังคาใจผมอยู่

หลังจากการพิสูจน์ศพ ก็จัดงานศพให้แฟนผม สวดเป็นเวลา 3 วัน คืนแรกของงานศพ มีการสวดอภิธรรม ระหว่างสวดบทแรกอยู่นั้น อยู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้ออกมาทางลำโพง ผมก็ตกใจจึงพยายามมองหาต้นเสียง ทางพ่อแม่ผมและพ่อแม่แฟนผม เห็นผมรุกรี้รุกรนจึงถามว่าเป็นอะไรลูก ผมบอกผมได้ยินเสียงคนร้องไห้ ท่านก็บอกไม่มีนะลูก คิดมากไปรึเปล่า ? หลังจากที่ผมพยายามหาต้นเสียงที่ไม่รู้นั้น พระท่านก็สวดจบบทแรกพอดี เสียงก็เงียบ ไม่มีเสียงร้องไห้ ผมก็เลยคิดว่าคงหูฟาด หลังจากที่สวดเสร็จนั้น มีหลวงพ่อรูปนึง ท่านเดินมาหาผมแล้วบอกผมว่า “แฟนโยม เค้านั่งฟังสวดอยู่ข้างๆ โยมนะ แต่เค้าร้องไห้ตลอดเวลาเลย” นี่ทำให้ผมมั่นใจแล้วว่า สิ่งที่มองไม่เห็นมีจริง เพราะพระท่านคงจะไม่มุสาแน่นอน แล้วคืนนั้นก็ผ่านไป



วันสวดวันที่สอง วันนี้ที่วัดไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อสวดเสร็จ ก่อนจะกลับ พ่อแม่ผมก็บอกว่า ถ้าไม่ไหวก็มานอนกับพ่อกับแม่ได้นะลูก ผมบอกท่านว่าไม่เป็นไรครับ ผมอยากกลับห้อง หลังจากที่ผมมาถึงห้อง ผมก็อาบน้ำเตรียมนอน แต่จิตใจผมนั้นยังคงคิดถึงวันแรกที่ได้ยินเสียงนั้น คิดถึงวันแรกที่พาเธอไปที่นั่น คิดถึงวันที่ผมขอเธอแต่งงาน คิดถึงรอยยิ้มของเธอที่ตอบรับผม ผมรู้สึกเศร้าและเหงา เหมือนโลกมันขาดอะไรไปสักอย่าง ผมจึงพูดลอยๆ ออกมาว่า เธอ ถ้าเธออยู่ใกล้ๆ เรา เธอมาหาเราได้มั้ย เราคิดถึงเธอนะ แล้วก็ยังรักเธออยู่เหมือนเดิม แล้วผมก็นอน คืนนั้นผมฝัน ผมฝันว่า แฟนผมมานอนอยู่ข้างๆ แต่หน้าของเธอดูโทรมมาก แต่สิ่งที่ทำให้ผมกลัวหลังจากที่มองไปที่แฟนผม คือผมเห็นผู้หญิงคนนึงนั่งทับตัวเธออยู่ แล้วก็หันมาพูดกับผมว่า “มันเป็นของกู” แล้วเค้าก็กระโจนมาหาผม ผมสะดุ้งตื่นทันที ตอนนั้นเวลาประมานตี 2 ผมรู้สึกกลัวและเป็นห่วงแฟนผมมาก ทำให้ผมนอนแทบไม่ได้ แต่สุดท้ายก็หลับด้วยความง่วงและเพลีย พอตอนเช้าผมตื่นมาเตรียมงานเผาแฟนผม

เมื่อถึงเวลาเผา หลวงพ่อท่านเดิมก็เดินมาบอกผมว่า โยมมีไรจะบอกแฟนโยมก็ไป กระซิบบอกเค้าได้เลยนะ เค้ารับรู้ เพราะเค้าอยู่ข้างๆ อยู่ทุกวันที่สวดศพ ผมจึงกระซิบบอกว่า “เรารักเธอนะ ถึงแม้เวลามันจะสั้นที่เราได้อยู่ด้วยกัน แต่อย่างน้อยเราก็ได้รักกัน” หลังจากนั้นก็เริ่มเผา หลังจากงานศพแฟนผมเสร็จเรียบร้อย สภาพจิตใจผมย่ำแย่มาก จะบอกว่าผมกลายเป็นโรคจิตไปเลยก็ได้ จากปกติที่เป็นคนโลกส่วนตัวสูงแล้ว กลายเป็นคนเก็บตัวอยู่ในห้องไม่พบหน้าใคร ผมเอาแต่โทษตัวเองว่าเพราะเรา เป็นเพราะเราที่ทำให้เธอต้องตาย



ผมเป็นแบบนี้อยู่ 2 อาทิตย์ ทุกคืนผมจะเรียกให้แฟนผมมาหา แต่เธอก็ไม่มาให้ผมเห็น ให้แต่ผมฝันเห็น เห็นเหมือนเดิมทุกคืน คือเธอนอนอยู่ข้างๆ และมีผู้หญิงคนนั้นนั่งทับอยู่ จนผมทนไม่ไหวผม จึงไปปรึกษาพระท่านนึง !! ท่านบอกว่าทางเดียวที่จะทำให้แฟนผมหลุดพ้นได้ คืนผมต้องบวชให้แฟนและผีตนนั้น ผมจึงตัดสินใจบวชเป็นเวลา 1 เดือน ทำให้สภาพจิตใจผมดีขึ้น ทุกคืนผมสวดแผ่เมตตาให้ผีตนนั้น และขอให้แฟนผมหลุดพ้นจากบ่วงนั้น คืนแรกหลังจากที่ผมลาสึกออกมา ผมฝันเห็นแฟนผม เธออยู่ในที่ๆ นึง เป็นที่ๆ สว่างสวยงาม เธอพูดกับผมว่า “เรารักเธอนะ แต่เราต้องไปแล้ว ขอบคุณมากนะที่รักเรา และที่ช่วยเรา ถ้าหากได้เกิดใหม่เป็นคนอีก ขอให้เรายังจำหน้าเธอได้นะ” แล้วเธอก้อเดินหายไปในแสงสว่างนั้น

แต่หลังจากแฟนผมเดินจากไป ผมเห็นผู้หญิงคนนั้น เธอชี้หน้าผมแล้วพูดกับผมว่า “จะลองดีกับกูอีกคนใช่มั้ย” ผมก็เลยพูดกับเธอไปว่า ” คุณจะทำแบบนี้ไปทำไม แฟนผมและผมไปทำอะไรให้คุนโกรธเคือง คุณถึงต้องมาจองเวรกันแบบนี้” ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า ” พวกมึงมาอยู่ในที่ที่กูตาย กูตายเพราะความรัก แต่พวกมึงมาเสพความรักในที่ที่กูตาย กูจะพรากพวกมึง” ผมจึงบอกเค้าไปว่า “คุณทำแบบนี้ ไม่ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นเลย กลับทำให้คุณก่อกรรมเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป” แล้วเค้าก็ตอบกลับมาว่า “กูไม่สนกูจะเอาไปอีกคน” แล้วผมก็ตื่น



หลังจากที่ผมตื่นขึ้นมา ผมก็ไม่เจออะไรนะครับ ใช้ชีวิตปกติสุข ไม่เจออะไร จนเวลาผ่านไป 5 เดือน ตอนนั้นอายุผม 25 เต็มตัวแล้ว ผมได้คบกับแฟนใหม่คนนี้ ซึ่งอาจจะดูว่าเร็วไปไหม แฟนถึงขั้นเสียชีวิต ถึงขั้นคิดมากจิตตก แต่ผมจะบอกข้อคิดอย่างนึงนะครับ “คนเราเวลาสุข อย่าสุขเกินมันจะเหลิง เวลาทุกข์ ก็อย่ามัวแต่อมทุกข์ ไม่งั้นชีวิตไม่มีวันก้าวหน้าไปไหนเลย” ผมคบกับแฟนคนนี้ เธอชื่อเอครับ อาทิตย์นึงเอ จะมานอนกับผมบ้างเป็นบางวัน ช่วงที่เอมาอยู่กับผม ก็ไม่เจออะไรนะครับ แต่เอจะบอกผมแทบทุกครั้งที่มานอนว่า “ฝันไม่ดีเลย” แต่เอ ก็ไม่ได้คิดว่าเกี่ยวกับห้องของผมหรอก เอคิดว่าเป็นเพียงความเพลีย และความเครียดเรื่องงานมั้ง จึงทำให้ฝันไม่ดี

จนมีอยู่คืนนึง เอมานอนที่ห้องผม เวลาตอนนั้นประมานตี 1 ผมสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยเสียงกรี๊ดของเอที่ดังลั่น ผมถามเอ ว่าเป็นอะไร ?? เอบอกว่า เอฝันว่ามีผู้หญิงมายืนอยู่ปลายเตียงแล้วพูดกับเอว่า “มึงจะต้องไปกับกู” แล้วเอก็สะดุ้งตื่น แล้วเห็นผู้หญิงคนในฝันมายืนอยู่ปลายเตียงจริงๆ เอบอกว่าไปส่งเรากลับบ้านได้ไหม เรากลัว !! ผมจึงต้องขับรถไปส่งเอ กลางดึกเมื่อผมส่งเอกลับบ้านเสร็จ ผมก็กลับมาที่ห้องเวลาประมาณเกือบจะตี 4 ผมก็คิดในใจว่า ผมไม่เจอผู้หญิงคนนี้มาตั้ง 5 เดือนแล้วนะ นึกว่าจะไปแล้วเสียอีก เพราะผมไม่เคยเจอเธอเลยสักครั้ง หรือว่าเธอไม่สามารถทำร้ายผมได้ เพราะเท่าที่ผมเคยเจอก็แค่ในฝัน ผมจึงพูดด้วยความโมโหออกมาว่า ทำไมถึงไม่เลิกจองเวรกันซักที จะเอากันให้ตายเลยให้หมดทั้งโครตเลยมั้ย ? จากนั้นไฟในห้องก็ดับ แต่ด้วยความโมโห ผมจึงพูดท้าไปอีกว่า “ทำได้แค่นี้หรอ แน่จริงก็ออกมาสิวะ กูก็ไม่ไหวกับมึงแล้วนะ ทำบุญก็ทำให้แล้ว ยังไม่ไปยอมไปสักที” หลังจากที่พูดจบ ผมเห็นเงา เงาที่มันมืดกว่าความมืดของห้อง อยู่หน้าห้องน้ำยืนอยู่ ผมทำอะไรไม่ถูก เพราะใจนึงก็กลัว อีกใจก็โมโหจริง ตะโกนด่าออกไป แล้วรีบออกจากห้อง ลงไปอยู่ข้างล่างกับยามหน้าตึกจนเช้า



พอเช้าผมก็โทรหาเอ บอกเอว่าเมื่อคืนผมเจอเหมือนเธอเลย เอถามผมว่าเค้าคือใคร ?? ผมเคยเจอมั้ย ?? ผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับแฟนเก่าผมให้เอฟัง เธอบอกผมว่าทำไมเค้าถึงโหดร้ายขนาดนั้น แล้วเอจะโดนแบบนี้ไหม ?? เอคงอยู่ไม่ได้นะถ้าต้องเจอแบบนี้ !! ผมก็บอกเอ ว่าผมเข้าใจเอนะ เอจะเลิกกับผมก็ได้ ผมก็กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก แต่เอบอกผมว่า เอไม่เลิกกับผมหรอก แต่เราต้องช่วยกันหาวิธีทำให้เค้าหลุดพ้นจากเรา ไม่งั้นชีวิตเราคงไม่เป็นสุขแน่ๆ “ต่อให้เอเลิกกับผมไป ผมก็ต้องมารับปัญหานี้คนเดียว แล้วแบบนี้จะมาเป็นครอบครัวกันได้ยังไง ถ้าเมื่อเจอปัญหาแล้วทิ้งกัน ” !! คำพูดนี้ทำให้ผมซึ้งในความรักของเอมาก แต่อีกใจก็เป็นห่วงเอ เราสองคนจึงตัดสินใจขับรถไปที่ที่ผมพาแฟนเก่าไป เพื่อไปหาประวัติของผู้หญิงคนที่ตามผมมา เพื่อจะได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศุลให้เค้าได้โดยตรง เผื่ออาจจะทำให้เรื่องนี้ดีขึ้นมา

พอถึงที่พักนั้น ผมก็ตรงไปที่ล็อบบี้ บอกพนักงานว่ามาขอพบผู้จัดการที่นี้ครับ พนักงานก็ถามว่ามีธุระอะไรรึเปล่าค่ะ ด้วยความอยากพบกับผู้จัดการ ผมจึงบอกว่ามาติดต่อเรื่องธุรกิจครับ พนักงานก็บอกว่าสักครู่นะคะ แล้วผมกับเอก็ได้คุยกับผู้จัดการ พอเจอผู้จัดการผมก็ยิงคำถามตรงไปที่ห้องนั้นเลย ผมถามผู้จัดการว่า ผู้จัดการพอจะทราบประวัติของห้องนั้นหรือของที่แห่งนี้บ้างมั้ย เพราะผมกับแฟนเก่าเคยมากพักที่นี่แล้วเกิดเหตุการณ์ตามข้างต้นขึ้น แต่ผู้จัดการบอกว่า เค้าเป็นคนแถวนี้ก็จริง แต่ว่าเพิ่งจะมาเป็นผู้จัดการของที่นี้ไม่กี่ปี ทำให้ไม่ทราบ แต่เท่าที่รู้ก็มีแค่สิ่งที่ยายของเค้าเคยเล่าให้ฟัง ยายเล่าว่า “สมัยก่อนที่ดินแถวนี้เคยเป็นป่าทึบ ซึ่งไม่ค่อยมีใครเข้ามาหาของป่า ของอะไรกันหรอก เพราะคนส่วนใหญ่ที่เข้ามามักจะไม่ค่อยได้กลับออกไป ส่วนคนที่ออกมาได้ ก็ออกมาแบบไม่เป็นคน บ้างก็เป็นศพ บ้างก็สติสตางค์หลุด แต่พอความเจริญเข้ามา ป่านี้ก็ถูกลื้อออก แต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะตอนที่เค้ามาทำการลื้อเพื่อทำถนน มีต้นไม้ใหญ่ต้นนึงมีคนงานพยามยามจะเข้าไปตัด แต่ก็ตัดไม่ได้ ถึงจะทำพิธีขอเจ้าป่าเจ้าเขาแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะพยายามตัดแค่ไหน เครื่องมือก็เสียหาย พังหมด จึงได้ทิ้งไว้แล้วปล่อยให้บริเวณรอบๆ ต้นไม้นั้นคงความธรรมชาติไว้ เพราะเชื่อว่าเจ้าที่คงไม่อยากจะให้ลื้อออก จึงต้องทำถนนอ้อมไปอีกทางนึง ทำให้รอบๆ ที่พักนี้ ยังมีบรรยากาศที่ดี ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่ แต่เค้าก็ไม่เคยเจออะไรแปลกๆ นะ ซึ่งพอผมฟังจบ ผมก็คิดว่ามันไม่น่าจะใช่สาเหตุที่แฟนเก่าผมเสียชีวิต ผมจึงขอบคุณเค้าแล้วก็ออกมา



แต่ด้วยความสงสัย !! ผมและเอจึงพยายามมองหาแม่บ้านหรือพนักงานที่น่าจะพอมีอายุอยู่บ้าง !! ก็เจอแม่บ้านคนนึงซึ่งดูแล้วอายุน่าจะประมาณ 50 กว่า ผมก็เข้าไปคุยกับเค้าเลย ผมบอก ป้าครับผมขอถามอะไรสักหน่อยได้มั้ยคับ ? ป้าแกก็ดูงง ๆ แต่แกก็มากับผม ผมลากแกมาคุย ผมถามว่า ป้าครับ ผมอยากรู้ว่าที่นี้เคยมีเหตุการณ์อะไรไม่ดีบ้างมั้ยครับ ? ผมให้เงินป้าก็ได้นะ แล้วผมก็เล่าเหตุการณ์ที่ผมเจอให้ป้าฟัง !! แล้วก็บอกป้าว่า คิดซะว่าสงสารลูกหลานสักคนนะป้านะ ผมคงบ้าตายแน่ถ้ายังต้องเป็นแบบนี้ !! ป้าแกก็บอกว่า ” ป้าไม่เอาตังค์หรอกหนู แต่ป้าขอร้องอย่าไปบอกใครนะ ” ผมก็สัญญากับป้าเค้า

ป้าแกก็เล่าให้ฟังว่า ” เมื่อ 8 ปีแล้ว เคยมีพนักงานคนนึงของที่นี้ เธอเป็นคนน่ารัก พูดจาไพเราะ แต่เป็นคนซื่อๆ ไม่ค่อยจะตามใครเค้าทัน ใครเค้าพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ป้าก็เคยคุยกับเธออยู่ ตามประสาผู้ใหญ่คุยกับเด็ก เธอมีแฟนคนนึง แฟนของเธอดูน่าจะเป็นคนดีนะ เพราะเค้าดูแต่งตัวดี หน้าตาก็ดี พูดจาดี แต่เบื้องลึกเบื้องหลังป้าก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น วันนั้นแฟนของเธอได้มาเปิดห้องพัก ห้องที่หนูนอนนี่แหละ แล้วก็ให้เธอเข้ามาหา ด้วยความที่ทางที่พักก็รู้ว่าเธอเป็นแฟนกับลูกค้าคนนี้ จึงอนุญาติให้เธอเข้าไปพบกับแฟนของเธอได้ แต่เรื่องที่ไม่มีใครคิดก็เกิดขึ้น แฟนของเธอไม่ได้มาคนเดียว มีผู้ชายอีกประมาน 5 คนมากับแฟนของเธอ เธอถูกรุมมกระทำในสิ่งที่เลวร้ายมาก พวกมันยิ่งกว่าสัตว์นรก มันทั้งข่มขืน ทำร้าย และด้วยความที่เธอไม่ยอม เธอจึงพยายามกรีดร้อง ส่งเสียงร้อง แต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงได้ เนื่องจากแฟนของเธอ ได้นำหมอนมากดที่ใบหน้าเธอเอาไว้ แล้วเธอก็หมดลมหายใจ !! เรื่องนี้รู้เมื่อทางพนักงานของที่นี่ สงสัยว่าทำไมเธอเข้าไปในห้องนานเกิน ทั้งๆ ที่แฟนเธอก็กลับไปแล้ว หรือว่าเธอกำลังเก็บของจัดห้องเตรียมรอรับลูกค้าคนใหม่อยู่ แต่ก็ไม่น่าจะนานขนาดนี้ จึงเข้าไปเผื่อจะมีอะไรให้ช่วย แต่เมื่อเค้าเข้าไป ก็พบศพของเธอ ที่นอนอยู่ พร้อมกับคราบเลือดและคราบน้ำโสโครกของพวกสัตว์นรกนั้น และทางเราก็แจ้งทางตำรวจ ก็มีการมาเก็บศพถ่ายรูป ถ่ายหลักฐานไป แต่เรื่องก็เงียบ ป้าได้ยินพนักงานคุยๆ กันว่า แฟนของเธอเป็นลูกคนใหญ่คนโต ทำให้เรื่องเงียบไป แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ไม่นาน ก็มีข่าวลือแถวๆ นี้ว่า แฟนของเธออยู่ๆ ก็วิ่งหนีอะไรมาไม่รู้ แล้วก็มาอยู่กลางถนนถูกรถชนตาย แล้วหลังจากเหตุการณ์นี้ พนักงานก็มักจะได้ยินเสียงคนร้องไห้ในห้องนี้ ทางที่นี่ก็ได้ทำบุญมีพระมาสวดเพื่อให้เธอไปสู่สุขติ แต่ก็ไม่ไป แต่พนักงานที่นี่ก็ไม่เคยถูกเทอทำร้ายหรือมาหลอก ทางที่พักจึงปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ แต่ไม่เปิดห้องให้ใครพัก จนเวลาผ่านไป รู้สึกว่าเหตุการณ์จะเงียบลง จึงเปิดห้องนี้ให้พักอีกครั้ง ผมจึงเข้าใจกระจ่างแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมเค้าถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ ผมจึงขอชื่อและนามสกุลเธอไปเพื่อจะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ !!



หลังจากที่ได้ชื่อและนามสกุลของผู้หญิงคนนั้นแล้ว ผมกับเอก็เดินทางกลับบ้าน และไปทำบุญอุทิศส่วนกุศล และขออโหสิกรรมให้ผู้หญิงคนนั้น และผมก็กลับมาใช้ชีวิตปกติตามเดิม แต่เอขอไม่มาอยู่ที่ห้องผมอย่างที่เคยทำ เพราะเอยังคงมีความกลัวในเรื่องที่เอเจอที่ห้องผมอยู่ !! ผมก็เข้าใจ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน คืนถัดมา หลังจากเลิกงาน ผมก็กลับมาที่ห้อง และโทรศัพท์คุยกับเอตามภาษาแฟนกัน คุยกันไปจนจะบอกลากันก่อนนอน เอก็พูดมาว่า เสียงใครน่ะ ?? ผมก็ถามเอว่า เสียงอะไร ?? เสียงใคร ?? เอบอกผมว่า เมื่อกี้ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ว่า “อย่ามายุ่งกับคนของกู” และเอก็ถามผมว่าเปิดโทรทัศน์ หรือวิทยุไว้รึเปล่า ?? ตอนนั้นผมคิดในใจ “ยังไม่ไปอีกหรอ” หลังจากสิ้นความคิด สายโทรศัพท์ก็ตัดไป ผมจึงโทรกลับไปหาเอ แต่ก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนึงบอกว่า “เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ” แสดงว่าปิดเครื่อง ผมก็คิดว่าเอคงจะแบตหมด ผมจึงเตรียมตัวนอน !! เมื่อผมปิดไฟนอน ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนไม่ได้นอนคนเดียว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร !!

ผมพยายามข่มตานอน แต่ก็นอนไม่หลับ เวลาตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่ม ผมจึงคิดว่าปกติเรานอนดึกกว่านี้ สงสัยร่างกายมันคงยังไม่ถึงเวลานอน ผมจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หาอะไรดูอ่านไปเรื่อย เผื่อจะทำให้ง่วง แต่ขณะที่ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือนั้น !! หางตา !! หางตาผมมันเห็นเหมือนเงาดำๆ อยู่ปลายเตียง ผมจึงรีบหยิบมือถือมาส่องไฟ !! แต่ก็ไม่พบอะไร !! ผมก็คิดว่าคงตาฟาดไป จากนั้นผมก็นอนเล่นโทรศัพท์ไปสักพักก็เผลอหลับไป จนตื่นเช้ามา ผมก็เตรียมไปทำงาน ผมโทรหาเอ และถามเอว่าเมื่อวานยังไม่ได้บอกฝันดีกันเลยนะ แบตหมดซะงั้น !! เอบอกหมดอะไร ?? ของผมหรือเปล่าที่หมด ผมก็บอกว่าไม่หมดนะ ?? สงสัยโทรชนกัน!! แล้วเอก็บอกผมว่า เอโทรมาหาตอน 5 ทุ่มกว่าติด รับสาย แต่ทำไมรับสายแล้วไม่พูด และทำไมนอนไม่ปิดโทรทัศน์? ผมก็งงเลยครับ !! ผมบอกกับเอว่า ผมหลับตั้งแต่ยังไม่ถึง 5 ทุ่มเลย หลับคาโทรศัพท์ ไอเรื่องรับสายอาจจะเป็นเพราะกลิ้งไปโดนได้ !! แต่เสียงโทรทัศน์ คืออะไร ? เราไม่ได้เปิดทีวีก่อนนอนนะ !! เอบอกได้ยินเสียงจี่ๆ แต่จับใจความไม่ได้หรอก จึงคิดว่านอนไม่ได้ปิดทีวี แล้วเอก็วางสายแล้วนอน กะจะโทรมาถามตอนสายๆ เหมือนกัน !! ผมก็บอกเอว่าสงสัยคงจะมือไปโดน และเสียงจี่ๆ อาจจะเป็นเพราะโทรศัพท์มันถูกนอนทับอยู่ก็ได้ !! อย่าคิดมากเลย เราก็ไปทำบุญและขออโหสิกรรมให้ผู้หญิงคนนั้นแล้วหนิ !! แล้วก็ผ่านไป



คืนวันนี้ ผมไม่ได้คุยโทรศัพท์กับเอ เพราะผมบอกเอแล้วว่าผมขอเคลียร์งานก่อน ไว้คุยกันพรุ่งนี้ !! ขณะที่ผมกำลังนั่งเคลียร์งานอยู่นั้น ผมก็ส่งข้อความไปหาเอว่า “ฝันดีนะ คิดถึงมากๆ” หลังจากที่ผมส่งข้อความเสร็จผมก็นั่งเคลียร์งานต่อ แต่ทำงานไปได้สักพัก ไฟในห้องก็ดับอีกละ หลังจากไฟดับ อีกแล้วครับ หางตาผมเห็นเงาดำๆ ยืนอยู่ข้างๆ เตียงคราวนี้ผมพูดเลยครับ” ไปได้แล้ว เราไม่มีอะไรกันแล้ว ขอให้ไปอยู่ในที่ที่ดีนะ ” แล้วเงาก็หายไป ผมจึงลุกไปกดสวิทไฟ ปิดและเปิดใหม่ ไฟก็ติดตามปกติ ผมจึงเคลียร์งานให้เสร็จแล้วก็นอน เช้าวันถัดมา ผมตื่นเพราะเอโทรหาผม และบอกกับผมว่า เมื่อคืนเอฝันถึงผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว แต่คราวนี้มาอยู่ข้างๆ เลย แล้วเธอก็ก้มลงมาพูดกับเอว่า “อย่ามายุ่งกับคนของกู” เอจึงสะดุ้งตื่นและรีบไปนอนกับแม่ของเอ วันนั้นผมจึงลางานเลยคับ !! ผมคิดในใจว่าทำไมถึงตามจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้ ผมพาเอไปวัด ไปทำบุญแล้วก็ไปหาหลวงปู่ท่านนึง ซึ่งแม่ของเอบอกว่าให้ลองไปหาท่านดู ว่าทำไมเค้ายังไม่ไปสักที !! สิ่งที่หลวงปู่บอกกลับมาคือ ผู้หญิงคนนั้นคนที่โยมพูดถึง เค้าเลิกตามโยมตั้งแต่ที่โยมลาสึกมาแล้ว เพราะโยมมีบุญมากพอที่เค้าจะไม่สามารถตามมาได้ ส่วนผู้หญิงคนนี้ที่โยมและแฟมโยมเจอ เป็นคนที่โยมรู้จักดี เค้าหวง และห่วงโยมมากนะ ซึ่งผมรู้เลยเมื่อหลวงปู่บอกมาว่าคนที่หวงและห่วงผม ต้องเป็นแฟนผมแน่ๆ !! แต่ !! แฟนผมเค้าไปดีแล้วไม่ใช่หรอ ?? ผมจึงถามหลวงปู่ไปว่า แต่แฟนผมเค้าไปดีแล้วหนิครับหลวงปู่ !! หลวงปู่บอกว่าสิ่งที่เค้าให้โยมเห็น คือเค้าหลุดจากบ่วงที่ผูกกับผู้หญิงคนที่อาฆาตเธอ !! แต่เธอยังไม่ได้ไปสู่สุขติ เพราะเธอยังมีบ่วงสัญญากับโยมอยู๋ !! เธอเป็นดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์นะ แต่สามารถกลายเป็นวิญญาณที่ชั่วร้ายได้ ถ้าเธอก่อกรรมชั่วในขณะที่เป็นวิญญาณนี้ ดวงวิญญาณของเธอจะชั่วร้ายไม่ต่างจากผีที่โยมเจอ เมื่อผมได้ฟัง ผมจึงขอแนวทางการแก้ไขจากหลวงปู่ !! หลวงปู่บอกให้โยมนั้น ปลดบ่วงกรรม บ่วงสัญญาที่เคยให้ ที่เคยพูด ที่เคยรับปากกับเธอไว้ และให้อโหสิกรรมให้แฟนเก่าโยม และเค้าจะสามารถไปสู่ภพภูมิที่ดีได้ หลังจากนั้นผมก็ไปทำการปลดบ่วงกรรม ตามที่หลวงปู่บอก หลังจากนั้น ผมก็ไม่เคยเจอเงานั้นอีกเลย !! ห้องที่เคยอึดอัด ก็รู้สึกเหมือนปกติ !! ส่วนเอก็ไม่ฝันเรื่องแปลกๆแบบนั้นอีกเลย !!



ขอขอบคุณ เรื่องผี Pantip

📌หมายเหตุ📌
– ทางเราอาจมีการเปลี่ยนแปลงบางคำพูดหรือสำนวน เพื่อให้ง่ายต่อการเล่าเรื่องราว และฟังลื่นหูนะคะ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ 🙏



🔻🔻ติดตามเรา🔻🔻
– Youtube: https://tiny.cc/mongkond
– Facebook: https://facebook.com/mongkondTH/
– Twitter: https://twitter.com/MongkondTH
– Website: https://mongkond.com

image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF

Leave a Reply